วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาโลก


การศึกษาโลก

คุยกับ ดำรง พุดตาล  มาตรฐานการศึกษาไทย

         การจัดการศึกษาให้เข้ากับ AEC ท่านได้กล่าวว่า ประเทศสิงคโปร์ได้ทุ่มเงินเพื่อการศึกษาเป็นที่1 ส่วนไทยให้งบการศึกษาอยู่ในอันดับที่9 ประเทศมาเลเซียก็มีโรสแมพทางการศึกษาที่ชัดเจน และในอาเซียนได้มีการจัดลำดับทางการศึกษา อันดับที่1ได้แก่สิงคโปร์ ส่วนไทยเราเป็นอันดับที่8 ของอาเซียนรองจากเวียดนาม อันดับ6คือกัมพูชา คุณภาพประถมศึกษาของทั้งโลก ไทยเราอยู่อันดับที่86 ในอาเซียนอันดับ8 และคุณดำรงได้ลงพื้นที่ไปโรงเรียนบ้านท่ากระดานในจังหวัดพิจิตรพบว่าโรงเรียนนั้นมีพื้นที่กว้างขวางแต่มีจำนวนเด็ก54คนซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ100คน ส่วนใหญ่ผู้ปกครองของนักเรียนก็จะพานักเรียนไปเรียนโรงเรียนดังๆในเมืองซึ่งแสดงว่าประชาชนไม่ไว้ใจการเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านท่ากระดาน และแสดงให้เห็นว่าการจัดการศึกษามีความไม่ทัดเทียมกันทั้งประเทศ และพูดถึงเรื่องครูส่วนมากเด็กที่ตกจากคณะดังเช่นหมอ วิศวะ ก็จะเลือกเรียนหมอ มาเลือกเรียนที่ราชภัฎและเด็กก็ขาดความตั้งใจ ราชภัฎไม่ได้ร่างหลักสูตรตามสังคมต้องการ  สังคมปัจจุบันต้องการคนจบสาขาบริหาร มากกว่าครู และเราต้องมองความต้องการของต่างประเทศด้วยว่าต้องการอะไร และต้องส่งเสริมให้นักเรียนเข้าใจอาเซียนจริงๆ ไทยเราต้องพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นสำคัญอย่าอ้างว่าไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครเพราะมิฉะนั้นจะทำให้เราไม่สามารถสื่อสารกับประเทศอื่นได้

 

ดร สุรินทร์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง การขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน

         พูดถึงการศึกษาเตรียมตัวเข้าสู่อาเซียนเราต้องเตรียมทุกระดับตั้งแต่ผู้กำหนดนโยบายจนถึงผู้เรียน เพราะการศึกษาเท่านั้นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่สร้างสรรค์แก่สังคมและประเทศชาติ อาเซียนก่อตั้งเมื่อ 8สิงหาคม2510 เป็นความคิดของนักการฑูตไทยเป็นมรดกทางการฑูตที่เรามอบให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยที่มอบให้กับประชาคมโลก ปี2510ประเทศอื่นเพิ่งหลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคม ไทยประเทศเดียวที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร ประเทศไทยมีอายุมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียนจึงได้เป็นผู้นำแต่เดี่ยวนี่เป็นผู้นำคนอื่นไม่ได้แล้วเพราะเมื่อขึ้นเวทียังต้องอ่านโพยที่เค้าเตรียมให้ อินโดนีเซียตื่นเต้นมากกับการเป็นประชาธิปไตยเพราะเค้าเพิ่งได้รับประชาธิปไตย ส่วนมาเลเซียพยายามผลักดันเรื่องทำอย่างไรให้ความขัดแย้งของคนในโลกเกิดขึ้นโดยคนสุดโต่งที่อยู่ซ้ายสุดและขวาสุดโดยคนอยู่ตรงกลางไม่ค่อยพูดแต่เค้าพยายามผลักดันให้คนกลางได้แสดงความคิดเห็น ไทยในตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นผลประโยชน์แก่การฑูตเลย สิ่งหนึ่งที่โลกกำลังต้องการในตอนนี้คือ สิ่งใดที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคต ขณะนี้ประชากรโลกมีความแออัดมาก จีนกำลังมีปัญหากับหลายประเทศ ในปีค.ศ.2050มนุษย์จะมีจำนวน 9,000 ล้านคน ลองคิดดูเราจะเอาอาหารที่ไหนกินกัน เพราะน้ำก็จะหมด ป่าก็จะไม่มี ปลาก็จะไม่เหลือ โลกขณะนี้กำลังคิดถึงความยั่งยืนของโลก องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีการคิดค้นเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นและนี่เป็นคำตอบที่โลกต้องการ นครศรีธรรมราชควรจะภูมิใจกับทรัพยากรของเราเองทุกอย่างมีพร้อม และเชื่อไหมไม่นานน้ำก็จะหมด ป่าก็จะหมด เมื่อน้ำท่วมน้ำจะท่วมเร็วมากเพราะไม่มีต้นไม้ในการซับน้ำ ตอนนี้ตะวันตกเริ่มตระหนักในการรักษาป่ารักษาน้ำ เราทางตะวันออกกลับทำลายไม่สิ้นสุด มีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่จะยับยั้งวิกฤติของโลกได้ อาเซียนตั้งขึ้นมาที่ให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อคิดว่าจะอยู่กันอย่างไรให้อยู่อย่างมีความสุขและอยู่อย่างมีความสงบระหว่างกันในอาเซียน ตอนที่เรารบกับเขมรถ้าไม่มีอาเซียนอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อมีปัญหากันในอาเซียนก็กระทบกระทั่งทั้งโลก เราต้องเชื่อพลังของการศึกษา แต่ไม่เชื่อว่าการศึกษาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ การศึกษาเป็นบันไดที่จะให้เราไต่เต้าขึ้นไปสู่ความสำเร็จ อาเซียนเป็นโอกาสแต่เป็นโอกาสสำหรับคนพร้อมที่จะขึ้นไปแข่งขัน เขาตกลงกันว่าจะมี8สาขาอาชีพที่สามารถทำงานได้กับทุกประเทศในอาเซียน เช่น หมอ หมอฟัน พยาบาล นักบัญชี ผู้บริหารในโรงแรมหลายตำแหน่งในโรงแรมย้ายไปทั่วอาเซียนได้ เป็นนักสำรวจประเมินราคาทรัพย์สิน อาคาร บ้านเรือน ที่ดิน สามารถย้ายไปทั่วอาเซียนได้ ปัญหาคือเมื่ออาเซียนเปิดไม่แค่เปิดให้เราออกไปแต่ยังเปิดให้บุคคลในอาเซียนทุกคนเข้ามาได้ด้วย เพราะฉะนั้นอาเซียนคือโอกาส เต็มไปด้วยสิ่งท้าทายน่าสนใจ ชีวิตในอาเซียนสามารถลื่นไหลได้ สอนให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหาดีกว่าท่องจำ ที่เราเรียนเพราะให้พร้อมรับสถานการณ์ของอาเซียนที่จะเข้ามาในไม่ช้า ขณะนี่ภาษาอังกฤษของไทยยังอ่อนมาก เพราะผู้ปกครองมีความคิดเดิมๆที่ว่าเรียนที่นี่ จบที่นี่ ทำงานที่นี่แหละไม่ต้องไปไหน ถ้าทำให้เด็กบรรลุถึงศักยภาพสูงสุดของเขาแล้วนั้นหมายความว่าเป็นความสำเร็จของสังคม ปรัชญาการศึกษาที่ถูกต้องคือนำสิ่งที่เด็กมีอยู่ในตัวออกมาให้ได้คุณภาพสูงสุดในทางสร้างสรรค์

 

การศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน

         ภาคใต้เป็นจุดภูมิศาสตร์ที่ได้เปิดรับอิทธิพลต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณ โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและในขณะเดียวกันก็ปรับตัวเข้าหากันด้วย ในขณะเดียวกันก็มีคนชนชั้นกลางในอาเซียนที่ยังต้องการการพัฒนาหลายอย่าง จึงมีประเทศที่อยากเข้ามาทุระกิจในไทย ตอนนี้อาเซียนมีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ประเทศในอาเซียนต้องสามัคคีกันเพราะมีหลายประเทศต้องการที่จะมาลงทุนในอาเซียนและมีการเชื่อมโยงระหว่างกันทางด้านต่างๆมากขึ้น ตอนนี้ระยะห่างช่องว่างทางการเงินของคนแต่ละประเทศมีขนาดช่องว่างที่มากทำให้จะมีการลงทุนระหว่างกันไม่ได้มากนัก เพราะว่าฝ่ายหนึ่งจนฝ่ายหนึ่งรวย ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต้องเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจะได้แข่งขันกับนานาประเทศได้ ประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะที่ไม่มีทรัพยากรใดๆแต่การกำหนดราคา การกำหนดเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับประเทศนี่ เพราะบุคลากรของเค้ามีความฉลาด ความแตกต่างหลากหลายของอาเซียนมันเป็นภาพสะท้อนของความแตกต่างหลากหลายของโลก ส่วนการเรียนภาษาต่างประเทศก็เป็นกุญแจขนาดใหญ่ที่จะไขเข้าสู่อนาคต

 

ระบบการศึกษาในสิงคโปร์

         ระบบการเรียนการสอนในสิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก เพราะเมื่อคนที่เรียนจบแล้วมีงานทำตามสาขาที่เรียนมาถือว่าเป็นการออกแบบหลักสูตรที่ตอบสนองต่อคนเรียน และจะพัฒนาเศรษฐกิจในทิศทางใด ในสิงคโปร์แบ่งระดับการศึกษาโดยชั้นประถมศึกษา1-4 เน้นภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาทมิฬ คณิตศาสตร์และวิชาอื่นๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่5-6แบ่งเป็น3ระดับโดยมีการวัดระดับในชั้นป.4. ว่าจะต้องเรียนในชั้นมัธยมเป็นเวลา 4 หรือ 5 ปี ระดับมัธยมศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ เรียน4ปี หรือเรียน5ปี หารเรียนดีจะได้เรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย 2-3ปี หรือสามารถเลือกเรียนสายอาชีพได้ และมีการเปิดเรียนสายโปลีเทคนิคจบออกไปแล้วก็ทำงานทันที การที่จะได้คัดเลือกมาเรียนในโรงเรียนที่สิงคโปร์นั้นเป็นเรื่องยากคือ ต้องสอบการประเมินผลทั้ง ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์และต้องทดสอบภาษาจีน  ส่วนนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาเรียนในสิงคโปร์ก็ต้องจ่ายค่าบำรุงการศึกษาให้กับกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ทุกๆ 2 ปี เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมาเรียนที่นี่เพราะค่าใช้จ่ายทางการศึกษาน้อย และที่สำคัญที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน  สิงคโปร์ประกาศว่าจะตั้งเป็นศูนย์การของการศึกษามาตรฐานโลกเพราะฉะนั้นแผนพัฒนาการศึกษาของสิงคโปร์น่าสนใจ สิงคโปร์ประกาศให้ทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม สิงคโปร์จะดึงดูดให้นักศึกษาต่างประเทศเข้ามาศึกษาในประเทศมากขึ้น รัฐบาลสิงคโปร์จะทำยุทธศาสตร์ไว้7ข้อ ที่จะเป็นศูนย์กลางการศึกษา 1.เน้นผลลัพธ์ทางการศึกษา 2.เน้นจิตสำนึก แรงจูงใจ การใฝ่รู้ 3.ทุ่มทรัพยากรด้านการเงินแก่การศึกษา 4.การบริหารจัดการแบบศูนย์รวม 5.หลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มแข็ง 6.ประเมินตัวเองให้มากขึ้น 7.แรงสนับสนุนจากครอบครัวผู้เรียน ระบบการศึกษาของสิงคโปร์เป็นระดับโลกศาสตราจารย์ของเรา ก็ผลิตงานวิจัยระดับโลก และก็ยังมีการเรียนการสอนที่ดี ศาสตราจารย์อาวุโสหลายท่านก็ให้คำปรึกษาได้ดี โดยเฉพาะหลักสูตรบริหารธุรกิจมีความเป็นสากลมาก มีความหลากหลายมากในชั้นเรียนเพราะนักเรียนกว่า20-30 ชาติจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เด็กที่เข้ามาเรียนในสิงคโปร์ต้องการการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน และจบไปแล้วมีงานรองรับ สิงคโปร์ยอมทุ่งเงินเพื่อให้ได้อาจารย์ที่ดีมาสอนส่วนมากจะเป็นอาจารย์ระดับโลก

 

การศึกษาในเวียดนาม

         โรงเรียนส่วนใหญ่เน้นวิชาต่างประเทศมากขึ้น การเรียนของเขาได้ให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดตารางเรียนเพื่อให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น ทุกภาคการศึกษาครูจะต้องประเมินความรู้เด็กเพื่อจัดลำดับคุณภาพการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และครูก็จะหมุนเวียนไปอบรมกับหลักสูตรนานาชาติและทางโรงเรียนจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน

 

การศึกษาในลาว

         นักเรียนที่นี่ในชั้นสุดท้ายของระดับมัธยมศึกษาแต่ต่างจากสิงคโปร์ การศึกษาที่นี่ไม่ดุเดือดนัก และการสอบเข้ามหาลัยไม่ใช่ความหวังสูงสุดของคนในลาว ก่อนวันสอบเข้ามหาลัยเด็กๆทุกประเทศคร่ำเคร่งอยู่กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ไม่ใช่กับเด็กๆในลาว ปี2554รัฐบาลลาวได้ปรับแผนการศึกษาจากเดิมในระบบ 11 ปีเป็นระบบ 12 ปี ให้ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆในอาเซียน

 

การศึกษาในมาเลเซีย

         ปฏิรูปการศึกษาของมาเลเซียสู่การเป็นผู้นำภูมิภาค มาเลเซียเป็นชาติที่มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์จึงพยายามหาแนวทางสร้างความแตกต่างให้อยู่ภายใต้ชาติที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ด้วยความที่ชาวมาลายูซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม เป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ รัฐบาลมาเลเซียจึงนำแนวคิดทางศาสนามาปรับเข้ากับหลักสูตรทางการศึกษาแบบตะวันตกโดยสร้างสมดุลระหว่างความรู้ภาษาอังกฤษและองค์ความรู้สมัยใหม่ให้เข้ากับคำสอนศาสนาอิสลาม และประกาศให้เป็นปรัชญาการศึกษาของประเทศ ในปีค.ศ.1979 ในปีค.ศ.2012 รัฐบาลของมาเลเซียได้ประกาศแผนปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติ ค.ศ.2013-2025 เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาพร้อมตั้งเป้าการเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค หลังการคาดการณ์ว่าการเข้าเรียนของนักเรียนทั่วโลก 42 เปอร์เซ็นต์ จะกระจุกตัวอยู่ในเอเชียแปซิฟิก แผนนี่ได้กำหนดไว้ว่า อันดับความสามารถของเด็กมาเลเซียที่เคยอยู่ในฐานล่างและฐานกลางของพีระมิดเมื่อมีการจัดอันดับในเวทีโลกแล้ว ต้องขยับขึ้นมาบนฐานบนสุดให้ได้ภายในเวลา13ปี และมาเลเซียยังจะต้องเป็นประเทศผู้ส่งออกการศึกษาอันดับต้นๆของโลกภายใน ค.ศ.2020 เพื่อดึงดูดนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนให้ได้ 2แสนคน ด้วยเหตุนี่รัฐบาลมาเลเซียจึงสร้างเมืองการศึกษาขึ้น 2 เมือง คือ กัวลาลัมเปอร์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษเอสกันดา  ล่าสุดผู้นำมาเลเซียประกาศว่าจะผลักดันการเรียนการสอนวิชาเสต็มซึ่งประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ให้มีสัดส่วนในการเรียนคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ และลดการเรียนวิชาอื่นๆลงเหลือ 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าวิชาสายวิทยาศาสตร์จะทำให้เด็กรู้รักการคิด วิเคราะห์ด้วยหลักการและเหตุผล นอกจากนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกยุคใหม่จะเกิดขึ้นจากความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้นพื้นฐานทางด้านวิชาเสต็มที่แข็งแกร่งจะช่วยให้เด็กซึ่งเป็นกำลังของชาตินำพามาเลเซียก้าวไปสู่ประเทศชั้นนำได้ในอนาคต

 

ปฏิรูปการศึกษาอินโดนีเซีย

         ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซียกล่าวว่า ปัจจุบันคนอินโดนีเซียรั้งท้ายชาติอื่นเพราะมีทัศนคติในแง่ลบต่ออุปสรรคอื่นๆที่ฝังรากลึกอย่างยาวนาน เช่นโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างเชื่องช้าและระบบการศึกษาที่ไม่ได้ผลแม้ว่ารัฐธรรมนูญอินโดนีเซียจะบัญญัติว่าพลเมืองทุกคนต้องได้รับโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน และให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณสำหรับกระทรวงศึกษาธิการเท่ากับ 20 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณประจำปีทุกปี

 

ปฏิรูปการศึกษาในฟิลิปปินส์

         ขณะนี่ฟิลิปปินส์กำลังมาแรงในเรื่องของสถาบันสอนภาษามีชาวต่างชาติหลายชาติที่แห่เข้าไปเรียนภาษา เมืองบาเกียวเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อทางการศึกษาเพราะประชากรกว่าครึ่งเป็นนักเรียนและนักศึกษา ในเมืองนี้มีโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับชาวเกาหลีและมีชาวเกาหลีจำนวนไม่น้อยที่มาเรียนภาษาที่นี่ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาฟิลิปปินส์คือพื้นที่เริ่มต้นที่ดีสำหรับการเรียนเพราะเมื่อผู้เรียนเก่งแล้วพวกเขาสามารถไปต่อยังประเทศอื่นๆได้ง่ายเพราะสามารถสื่อสารได้แล้ว แต่การสร้างพื้นฐานนั้นเป็นเรื่องยากและสำคัญมากและปัจจัยเรื่องวัฒนธรรมก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ชาวเกาหลีเลือกมาที่นี่เพราะชาวเอเชียจะมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรมที่คล้ายกัน ซึ่งต่างจากชาติตะวันตก พวกเราเคารพผู้อาวุโสกว่า ให้ความสำคัญกับครอบครัว จึงง่ายที่จะสานสัมพันธ์ต่อกัน และเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญทำให้นักเรียนเลือกมาเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์ ส่วนบุคลากรที่นี่ก็ต้องเป็นครูชาวฟิลิปปินส์ แต่เป็นการยากที่จะสอนให้เด็กต่างชาติเข้าใจได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น